พิณน้ำเต้า เป็นพิณสายเดียวคงจะเป็นของพราหมณ์ทำขึ้นเล่นกันมาก่อน ยังมีเพลงร้องเพลงหนึ่งชื่อ ว่า "พราหมณ์ดีดน้ำเต้า" ก็คงจะหมายถึงดีดพิณน้ำเต้าอย่างที่กล่าวถึงนี้เองพิณชนิดนี้ชาวอินเดียคงจะนำมา เล่นแพร่หลายอยู่ในดินแดนแหลมอินโดจีนนี้ก่อน และขอมโบราณหรือมอญเขมรได้รับช่วงไว้ก่อนที่ชนชาว ไทยจะอพยพลงมา ที่เรียกชื่อว่า พิณน้ำเต้า เพราะเอาเปลือกผลน้ำเต้ามาตัดครุ่งลูกแล้วเอาทางจุกหรือทางขั้ว ไว้เจาะตรึงติดกับไม้คันพิณซึ่งเรียกว่า "ทวน" เพื่ออุ้มเสียงให้เกิดกังวานทวนนั้นใช้ไม้เหลาให้ปลายข้างหนึ่ง เรียวงอนโค้งขึ้นสำหรับผูกสายยาวประมาณ 78 ซม. ทางโคนของทวนอีกข้างหนึ่งเจาะรูแล้วเอาไม้อีกอันหนึ่ง มาเหลาทำ"ลูกบิด" ยาวประมาณ 25 ซม. สอดเข้าไปในรูให้ปลายโผล่ยื่นขึ้นไปผูกสายอีกข้างหนึ่งสำหรับบิด สายให้ตึงหรือหย่อนเพื่อให้เสียงสูงต่ำกะโหลกน้ำเต้านั้นตรึงติดเข้ากับคันทวนค่อนไปทางโคนแต่เดิมใช้เส้น หวายทำสายแล้วต่อมาใช้สายไหมเดี๋ยวนี้ใช้ลวดทองเหลืองทำสายมีสายเดียวข้างหนึ่งผูกปลายทวนทางโค้ง
งอนและเอาปลายสายอีกข้างหนึ่งผูกกับปลายลูกบิดที่สอดโผล่ขึ้นมาจากโคนทวน รั้งสายให้ตึงด้วยเอาเชือก
อีกเส้นหนึ่งคล้องสายพิณผูกโยงไว้กับทวนตรงใหล้กับที่ติดจุกน้ำเต้าเรียกว่า"รัดอก"ปลายทวนที่โค้งงอนนั้น
บางทีก็แกะสลักเป็นกระหนกตัวนาคหรือหางนาคสวยงามและไม้ลูกบิดนั้นบางทีก็กลึงเป็นลูกแก้วลดหลั่น
น่าดูวิธีเล่นพิณน้ำเต้าโดยปกติผู้เล่นจะต้องไม่สวมเสื้อใช้มือซ้ายจับทวนและเอากะโหลกพิณประกบติดกับ
เนื้อตรงอกเบื้องซ้ายของผู้เล่นใช้มือขวาดีดสาย ผู้เล่นที่ชำนาญงานจะขยับกะโหลกน้ำเต้าเปิดปิดตรงทรวงอก เพื่อให้เกิดเสียงก้องกังวานตามต้องการและใช้นิ้วมือซ้ายช่วยกดหรือเผยอเพื่อให้สายตึงหรือหย่อนดีดประสาน
กับเสียงขับร้องของผู้เล่นเองด้วยความคล่องแคล่วชำนิชำนาญ ในคำเก่าใช้กิริยาว่า "ดึงพิณ" เดิมเห็นจะใช้
ดึงอย่าง Harp ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของชาวตะวันตก
งอนและเอาปลายสายอีกข้างหนึ่งผูกกับปลายลูกบิดที่สอดโผล่ขึ้นมาจากโคนทวน รั้งสายให้ตึงด้วยเอาเชือก
อีกเส้นหนึ่งคล้องสายพิณผูกโยงไว้กับทวนตรงใหล้กับที่ติดจุกน้ำเต้าเรียกว่า"รัดอก"ปลายทวนที่โค้งงอนนั้น
บางทีก็แกะสลักเป็นกระหนกตัวนาคหรือหางนาคสวยงามและไม้ลูกบิดนั้นบางทีก็กลึงเป็นลูกแก้วลดหลั่น
น่าดูวิธีเล่นพิณน้ำเต้าโดยปกติผู้เล่นจะต้องไม่สวมเสื้อใช้มือซ้ายจับทวนและเอากะโหลกพิณประกบติดกับ
เนื้อตรงอกเบื้องซ้ายของผู้เล่นใช้มือขวาดีดสาย ผู้เล่นที่ชำนาญงานจะขยับกะโหลกน้ำเต้าเปิดปิดตรงทรวงอก เพื่อให้เกิดเสียงก้องกังวานตามต้องการและใช้นิ้วมือซ้ายช่วยกดหรือเผยอเพื่อให้สายตึงหรือหย่อนดีดประสาน
กับเสียงขับร้องของผู้เล่นเองด้วยความคล่องแคล่วชำนิชำนาญ ในคำเก่าใช้กิริยาว่า "ดึงพิณ" เดิมเห็นจะใช้
ดึงอย่าง Harp ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีของชาวตะวันตก
พิณน้ำเต้า เป็นพิณที่มีสายเดียวเป็นเครื่องดนตรีโบราณ สันนิษฐานว่าคงจะเป็นเครื่องดนตรีของ
พราหมณ์ทำขึ้นเล่นกันมาก่อน ที่เรียกว่าพิณน้ำเต้าเพราะทำมาจากผลของน้ำเต้า นำเอาผลน้ำเต้ามาตัดครึ่งลูก แล้วเอาทางจุกหรือทางขั้วไว้ เจาะตรึงติดกับไม้คันพิณซึ่งเรียกว่าคันทวน คันทวนนั้นใช้ไม้เหลาให้ปลายข้าง
หนึ่งเรียวงอนโค้งขึ้นสำหรับผูกสาย 1 สาย ยาวประมาณ 78 ซ.ม. ทางโคนของคันทวนด้านที่อยู่ใกล้กับ
กระโหลกเสียงเจาะรูแล้วนำไม้อีกอันมาเหลาทำลูกบิด ยาวประมาณ 25 ซ.ม. สอดเข้าไปทางโคนของคัน ทวนที่เจาะรูให้ปลายโผล่ยื่นไปผูกสายอีก ข้างหนึ่งสำหรับบิดสายให้ตึงหรือ หย่อนเพื่อให้มีเสียงสูงหรือต่ำ
สูงหรือต่ำตามความต้องการ ใช้เส้นหวายทำสายต่อมาใช้สายไหมปัจจุบันใช้ลวดทองเหลือง เวลาทำเสียง
ใช้มือดีดใช้ผู้ชายเล่นเวลาเล่นไม่สวมเสื้อ ใช้มือซ้ายจับคันทวนแล้วเอากระโหลกประกบแนบกับหน้าอก
ด้านซ้าย ส่วนด้านมือขวาทำหน้าที่ดีดสายใช้ดีดประสานและคลอกับเสียงร้องของผู้เล่นเองนิยมเล่นในขณะ
ที่ไปเที่ยวเกี้ยวสาวเนื้อร้องมีลักษณะแสดงความรักใคร่
พราหมณ์ทำขึ้นเล่นกันมาก่อน ที่เรียกว่าพิณน้ำเต้าเพราะทำมาจากผลของน้ำเต้า นำเอาผลน้ำเต้ามาตัดครึ่งลูก แล้วเอาทางจุกหรือทางขั้วไว้ เจาะตรึงติดกับไม้คันพิณซึ่งเรียกว่าคันทวน คันทวนนั้นใช้ไม้เหลาให้ปลายข้าง
หนึ่งเรียวงอนโค้งขึ้นสำหรับผูกสาย 1 สาย ยาวประมาณ 78 ซ.ม. ทางโคนของคันทวนด้านที่อยู่ใกล้กับ
กระโหลกเสียงเจาะรูแล้วนำไม้อีกอันมาเหลาทำลูกบิด ยาวประมาณ 25 ซ.ม. สอดเข้าไปทางโคนของคัน ทวนที่เจาะรูให้ปลายโผล่ยื่นไปผูกสายอีก ข้างหนึ่งสำหรับบิดสายให้ตึงหรือ หย่อนเพื่อให้มีเสียงสูงหรือต่ำ
สูงหรือต่ำตามความต้องการ ใช้เส้นหวายทำสายต่อมาใช้สายไหมปัจจุบันใช้ลวดทองเหลือง เวลาทำเสียง
ใช้มือดีดใช้ผู้ชายเล่นเวลาเล่นไม่สวมเสื้อ ใช้มือซ้ายจับคันทวนแล้วเอากระโหลกประกบแนบกับหน้าอก
ด้านซ้าย ส่วนด้านมือขวาทำหน้าที่ดีดสายใช้ดีดประสานและคลอกับเสียงร้องของผู้เล่นเองนิยมเล่นในขณะ
ที่ไปเที่ยวเกี้ยวสาวเนื้อร้องมีลักษณะแสดงความรักใคร่
เอากระโหลกพิณประกอบติดกับอกเบื้องซ้ายของผู้เล่น โดยใช้มือซ้ายจับคันทวน แล้วใช้มือกด หรือ เผยอสายให้ตึงหรือหย่อนใช้มือขวาดีดสายให้เกิดเสียง ดังนั้นผู้บรรเลงพิณจะต้องไม่สวมเสื้อ และคงจะต้อง เป็นผู้ชายเท่านั้นที่เล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น