วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

กระจับปี่


                      เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด หรือพิณ 4 สายชนิดหนึ่ง ตัวกะโหลกเป็นรูปกลมรีแบนทั้งหน้าหลังทำ          คันทวนเรียวตอนปลายคันทวนมีลักษณะ แบน และบานปลายผายโค้งออกไป มีลูกบิดสำหรับขึ้นสาย
         
 4 อัน มีนมรับนิ้ว 11 นมเท่ากับจะเข้ ตรงด้านหน้ากะโหลกมีแผ่นไม้บางๆ ทำเป็นหย่องค้ำสายให้ตุงขึ้นเวลา          บรรเลงใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ จับไม้ดีด เขี่ยสายให้เกิดเสียง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีกล่าวไว้ในกฎมณ         เฑียรบาลว่า “ ร้องเพลง เรือ เป่าปี่เป่าขลุ่ย สีซอดีดจะเข้ กระจับปี่ตีโทนทับ โห่ร้องนี่นั่น “ ต่อมาก็นำมาใช้         เป็นเครื่องดีดประกอบการขับไม้ สำหรับ บรรเลงในพระราชพิธี แต่เนื่องจากกระจับปี่มีเสียงเบา และมีน้ำหนัก
         
 มาก ผู้ดีดกระจับปี่จะต้องนั่งพับเพียบขวาแล้วเอาตัวกระจับปี่ วางบนหน้าขาข้างขวาของตน เพื่อทานน้ำหนัก             มือซ้ายถือคันทวนมือ ขวาจับไม้ดีด เป็นที่ลำบากมาก อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำ ให้ไม่ค่อยมีผู้นิยมเล่นกระจับปี่          ในปัจจุบันจึงหาผู้เล่นได้ยาก
                      กระจับปี่ เป็นพิณชนิดหนึ่งมี 4 สาย รูปของกระโหลกมีลักษณะกลมรีด้านหน้า และด้านหลัง แบน          คล้ายกีต้าร์ กระโหลกมีความหนาประมาณ 7 ซ.ม. ยาวประมาณ 44 ซ.ม. กว้างประมาณ 40 ซ.ม. คันทวน          เรียวโค้งยาวประมาณ 138 ซ.ม. ถ้ารวมทั้งหมดยาวประมาณ 180 ซ.ม. มีนมรับนิ้วสำหรับกดสาย 11 อัน  มี          ลูกบิดสำหรับขึ้นสาย 4 อัน เท่ากับจำนวนสายตรงกระโหลกด้านหน้ามีไม้แผ่นบาง ๆ เรียกว่า “ หย่อง” หนุน          ให้สายตุงออกมา ใช้ไม้ดีดทำด้วยเขาหรือกระดูกสัตว์ ผู้ดีดกระจับปี่จะต้อง นั่งนับเพียบขวา เอาตัว กระจับปี่          วางบนหน้าขาข้างขวาเพื่อต้านทานน้ำหนัก กระจับปี่เป็นเครื่องดนตรีโบราณ ใช้บรรเลงในวงขับ ไม้มาตั้งแต่          สมัยสุโขทัย และยังเคยนำมาประสมในวงมโหรีอยู่สมัยหนึ่งกระจับปี่เป็น เครื่องดนตรีที่มีน้ำ หนักมากและมี          เสียงเบา ไม่สะดวกในการบรรเลงปัจจุบันกระจับปี่ได้หายไปจากวงดนตรีไทย ทั้งนี้เพราะ ไม่ค่อยมี
         ผู้นิยมเล่น
                      เวลาเล่นใช้ นิ้วหัวแม่มือ กับนิ้วชี้จับไม้ดีดเขี่ยสายให้สั่นสะเทือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น