เป็นเครื่องสายใช้สี กล่องเสียงทำด้วยกะลามะพร้าวตัดขวางให้เหลือพูทั้งสามอยู่ด้านหลัง ขึงหน้าด้วย หนังแพะ ซอสามสายเป็นซอที่มีรูปร่างวิจิตรงดงามที่สุด ถือเป็นเครื่องดนตรีชั้นสูง ที่เล่นยาก แต่นิยมกันว่า ไพเราะและ สอดประสานเข้ากับเสียงขับร้องของนักร้องไทยได้เป็นอย่างดี มีใช้ในวงดนตรีไทย มาตั้งแต่สมัย กรุงสุโขทัย ใช้บรรเลงในพระราชพิธีอันเนื่องด้วยองค์พระมหากษัตริย์ ภายหลังนิยม เล่นคลอขับร้องผสมวง
คู่กับ กระจับปี่ ในวงมโหรีและวงเครื่องสาย มีผู้เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสนพระทัย และทรงโปรดซอสามสายมากเป็นพิเศษทรงพระราชทานนาม ซอคู่ พระหัตถ์ว่า “ซอสายฟ้าฟาด”
คู่กับ กระจับปี่ ในวงมโหรีและวงเครื่องสาย มีผู้เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสนพระทัย และทรงโปรดซอสามสายมากเป็นพิเศษทรงพระราชทานนาม ซอคู่ พระหัตถ์ว่า “ซอสายฟ้าฟาด”
ซอสามสาย เป็นเครื่องดนตรีของไทยที่เก่าแก่มีมาแต่โบราณ ในสมัยสุโขทัยเรียกซอสามสายว่า
“ ซอพุงตอ” กระโหลกซอทำด้วยกะลามะพร้าวชนิดพิเศษ ที่มีกะลานูนเป็นกระพุ้งออกมา 3 ปุ่มคล้าย วงแหวน 3 อัน วางอยู่ในรูปสามเหลี่ยมแบบสามเส้า ขึงหน้าซอด้วยหนังแพะ หรือหนังลูกวัว ขนาดของซอขึ้นอยู่กับขนาด ของกะลาที่หาได้เป็นสำคัญ ซอสามสายจะต้องมีเครื่องประกอบที่บนหนังหน้าซออีก2 อย่าง ได้แก่ “ หย่อง”
และ “ ถ่วงหน้า” หย่องทำด้วยไม้มีไว้สำหรับให้สาย ทั้งสามพาดผ่านหนุน สาย ตรงหน้าซอให้ตุงออกมา
ถ่วงหน้า ใช้ติดตรงหน้าซอตอนบนด้านซ้าย มีลักษณะเป็นพลอยสีต่าง ๆ หรือ อาจจะทำด้วยทองคำฝังเพชร ก็ได้ ตามแต่ฐานะจะทำให้เป็นรูปวงกลมหรือวงรีก็ได้ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซ.ม. ถ่วงหน้าต้องเป็น
ของมีนำหนักได้ส่วนกับขนาด และความหนา ของหนังจะช่วย ให้ซอมีเสียง ดังกังวานไพเราะ ซอสามสาย
ความยาวทั้งคันประมาณ 1.15 เมตร คันทวนทำด้วยไม้แก่นบาง อันกประกอบงาหรือประกอบมุกสอดเข้าไป
ในกระโหลกซอ คันทวนตอนบนยาวประมาณ 67 ซ.ม.และสอดเข้าไป ในกระโหลกยาวประมาณ 26 ซ.ม.
ทวนตอนบนและทวนตอนล่างจะเจาะรูเพื่อให้ร้อยสายเข้าไปได้ คันทวนตอนบนจะมีลูกบิด 3 อันอยู่ทางซ้าย
มือ ของผู้บรรเลง 2 อัน และอยู่ทางขวามือของผู้บรรเลง 1 อันความยาวของลูกบิดยาวประมาณ 14 ซ.ม. ส่วน ที่อยู่ระหว่างลูกบิดกับกระโหลกจะนิยมทำด้วยโลหะ จะทำด้วย นาค เงิน หรือเหล็ก โดยคันทวนส่วนที่เป็น โลหะจะนิยมทำเป็นลวดลายต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม คันชักหรือคันสียาวประมาณ 86 ซ.ม. ทำเป็น
รูปโค้ง โคนตรงมือถืองอน หางม้าที่ใช้จะเป็นหางม้าที่ละเอียด มีประมาณ 250-300 เส้น
“ ซอพุงตอ” กระโหลกซอทำด้วยกะลามะพร้าวชนิดพิเศษ ที่มีกะลานูนเป็นกระพุ้งออกมา 3 ปุ่มคล้าย วงแหวน 3 อัน วางอยู่ในรูปสามเหลี่ยมแบบสามเส้า ขึงหน้าซอด้วยหนังแพะ หรือหนังลูกวัว ขนาดของซอขึ้นอยู่กับขนาด ของกะลาที่หาได้เป็นสำคัญ ซอสามสายจะต้องมีเครื่องประกอบที่บนหนังหน้าซออีก2 อย่าง ได้แก่ “ หย่อง”
และ “ ถ่วงหน้า” หย่องทำด้วยไม้มีไว้สำหรับให้สาย ทั้งสามพาดผ่านหนุน สาย ตรงหน้าซอให้ตุงออกมา
ถ่วงหน้า ใช้ติดตรงหน้าซอตอนบนด้านซ้าย มีลักษณะเป็นพลอยสีต่าง ๆ หรือ อาจจะทำด้วยทองคำฝังเพชร ก็ได้ ตามแต่ฐานะจะทำให้เป็นรูปวงกลมหรือวงรีก็ได้ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 ซ.ม. ถ่วงหน้าต้องเป็น
ของมีนำหนักได้ส่วนกับขนาด และความหนา ของหนังจะช่วย ให้ซอมีเสียง ดังกังวานไพเราะ ซอสามสาย
ความยาวทั้งคันประมาณ 1.15 เมตร คันทวนทำด้วยไม้แก่นบาง อันกประกอบงาหรือประกอบมุกสอดเข้าไป
ในกระโหลกซอ คันทวนตอนบนยาวประมาณ 67 ซ.ม.และสอดเข้าไป ในกระโหลกยาวประมาณ 26 ซ.ม.
ทวนตอนบนและทวนตอนล่างจะเจาะรูเพื่อให้ร้อยสายเข้าไปได้ คันทวนตอนบนจะมีลูกบิด 3 อันอยู่ทางซ้าย
มือ ของผู้บรรเลง 2 อัน และอยู่ทางขวามือของผู้บรรเลง 1 อันความยาวของลูกบิดยาวประมาณ 14 ซ.ม. ส่วน ที่อยู่ระหว่างลูกบิดกับกระโหลกจะนิยมทำด้วยโลหะ จะทำด้วย นาค เงิน หรือเหล็ก โดยคันทวนส่วนที่เป็น โลหะจะนิยมทำเป็นลวดลายต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม คันชักหรือคันสียาวประมาณ 86 ซ.ม. ทำเป็น
รูปโค้ง โคนตรงมือถืองอน หางม้าที่ใช้จะเป็นหางม้าที่ละเอียด มีประมาณ 250-300 เส้น
ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายค้ำคันทวน เพื่อที่จะให้นิ้วมีกำลังที่จะบังคับซอให้พลิกหรือหมุนได้ในระหว่าง การบรรเลง โดยให้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ซ้าย เป็นตัวบังคับซอได้การวางนิ้ว มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
สายเอก สายเปล่า มีเสียง ซอล
นิ้วชี้ มีเสียง ลา
นิ้วกลาง มีเสียง ที
นิ้วนาง มีเสียง โด
นิ้วก้อย มีเสียง เร (สูง)
นิ้วก้อย (รูด) มีเสียง มี (สูง)
สายเอก สายเปล่า มีเสียง ซอล
นิ้วชี้ มีเสียง ลา
นิ้วกลาง มีเสียง ที
นิ้วนาง มีเสียง โด
นิ้วก้อย มีเสียง เร (สูง)
นิ้วก้อย (รูด) มีเสียง มี (สูง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น